ชื่อผลงาน
การรักษาระดับร้อยละผู้เข้าสอบ N-NET ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ โดยใช้กิจกรรม
ความสำคัญของวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่
2) พ.ศ. 2545 มาตรา
15 กำหนดนิยามการศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย
รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลา ของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนสำคัญของการสำเร็จการศึกษา
โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
ดังนั้นหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จึงเป็นหลักสูตรที่มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหา และความต้องการของบุคคลที่อยู่นอกโรงเรียน
ซึ่งเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์จากการทางานและการประกอบอาชีพ โดยกำหนดสาระการเรียนรู้
มาตรฐานการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ให้ความสำคัญกับการพัฒนากลุ่มเป้าหมายด้านจิตใจ
ให้มีคุณธรรมควบคู่ไปกับการพัฒนาการเรียนรู้ สร้างภูมิคุ้มกัน สามารถจัดการกับองค์ความรู้
ทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
สร้างภูมิคุ้มกันตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงรวมทั้งคำนึงถึงธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้เรียน
ที่อยู่นอกระบบโรงเรียน และสอดคล้องกับสภาพ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการสื่อสาร
หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช
2551 ยึดปรัชญา “คิดเป็น”มาใช้ในการจัดการศึกษา ซึ่งอยู่บนพื้นฐานความคิดที่ว่า ความต้องการของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน
แต่ทุกคน มีจุดรวมของความต้องการที่เหมือนกัน คือทุกคนต้องการความสุข คนเราจะมีความสุขเมื่อตัวเรา
ความรู้ทางวิชาการ สังคมและสิ่งแวดล้อม ผสมกลมกลืนกันได้ก็จะมีความสุข คิดแบบพอเพียง
พอประมาณ ไม่มากไม่น้อย เป็นทาง สายกลาง สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผล การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามปรัชญา
“คิดเป็น” มีผู้เรียนสำคัญที่สุด โดยครูจะเป็นเพียงผู้จัดโอกาส
กระตุ้นให้ผู้เรียนคิด วิเคราะห์ ปัญหาหรือความต้องการ มีการเรียนรู้จากข้อมูลจริงและตัดสินใจบนฐานข้อมูลที่เพียงพอและเชื่อถือได้
คือ ข้อมูลตนเอง วิชาการ ชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม ถ้าหากสามารถทาให้ปัญหาหายไป กระบวนการก็ยุติลง
ถ้ายังไม่พอใจแสดงว่ายังมีปัญหาอยู่ ก็จะเริ่มกระบวนการพิจารณาทางเลือกใหม่อีกครั้ง
กระบวนการนี้ก็จะยุติลงเมื่อบุคคลพอใจและมีความสุข โดยกำหนดหลักการไว้ดังนี้
1) เป็นหลักสูตรที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นด้านสาระการเรียนรู้ เวลาเรียน
และการจัดการเรียนรู้โดยเน้นการบูรณาการเนื้อหาให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต ความแตกต่างระหว่างบุคคล
และชุมชน สังคม 2) ส่งเสริมให้มีการเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษาในระบบ
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 3) ส่งเสริมให้ผู้เรียน
ได้พัฒนาและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยตระหนักว่าผู้เรียนมีความสำคัญ สามารถพัฒนาตนเองได้ตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ
4) ส่งเสริมให้ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และผู้เรียนต้องผ่านเกณฑ์การจบหลักสูตร
ดังนี้ 1) ผ่านการประเมินและได้รับผลการตัดสินการเรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดทั้ง
5 สาระการเรียนรู้ และได้ตามจานวนหน่วยกิตที่กำหนดตามโครงสร้างหลักสูตร
2) ผ่านกระบวนการประเมินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตไม่น้อยกว่า 200 ชั่วโมง 3) ผ่านกระบวนการประเมินคุณธรรม 4) เข้ารับการประเมินคุณภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ (N-NET)
จากผลการจัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช
2551 ที่ผ่านมา พบว่านักศึกษาส่วนใหญ่ไม่จบหลักสูตรตามเกณฑ์ที่กำหนด
4 ภาคเรียน และจากการรายงานข้อมูลจานวนผู้เข้าสอบทางการศึกษานอกระบบระดับชาติ
(N-NET) ในแต่ละภาคเรียน มีจานวนผู้เข้าสอบไม่ถึงร้อยละ 80 ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทาให้นักศึกษาไม่จบหลักสูตรตามเกณฑ์ที่กำหนด จากสภาพปัญหาดังกล่าว
2
กศน.ตำบลบ้านค้อ ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติงานให้เป็นเชิงรุกเพื่อเข้าติดตามผู้เรียน
โดยเฉพาะผู้เรียนที่คาดว่าจะจบหลักสูตรในแต่ละภาคเรียน ซึ่งมีผลปรากฏชัดเจนในภาคเรียนที่
1 ปีการศึกษา 2561 คือนักศึกษา กศน.ตำบลบ้านค้อ ทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีจานวนผู้เข้าสอบ
ทางการศึกษานอกระบบระดับชาติ (N-NET) คิดเป็นร้อยละ
100 ดังนั้น กศน.ตำบลบ้านค้อ จึงได้จัดทาแผนงาน/โครงการ และจัดกิจกรรม ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา
256๒ เพื่อเป็นการรักษาระดับร้อยละผู้เข้าสอบ N-NET ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ โดยใช้กิจกรรม และส่งผลต่อการจบหลักสูตรของผู้เรียนต่อไป
วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดาเนินงาน
วัตถุประสงค์
1.
เพื่อรักษาระดับร้อยละผู้เข้าสอบ N-NET ของนักศึกษาหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 กศน.ตำบลบ้านค้อ ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ
๗๕
2.
เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนจบหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ตามเกณฑ์ที่หลักสูตรกำหนดภายในระยะเวลา
4 ภาคเรียน
เป้าหมาย
1.
นักศึกษา กศน.ตำบลบ้านค้อ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่คาดว่าจะจบหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ในภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา 256๒ เข้ารับการทดสอบทางการศึกษานอกระบบระดับชาติ (N-NET) ทุกคน
2.
นักศึกษา กศน.ตำบลบ้านค้อ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จบหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 ตามเกณฑ์ที่หลักสูตรกำหนดภายในระยะเวลา 4 ภาคเรียน เพิ่มมากขึ้น
วิธีการดำเนินงาน
กศน.ตำบลโพนสวรรค์ ได้วางแผนงาน/โครงการ และออกแบบกิจกรรมเพื่อรักษาระดับร้อยละ
ผู้เข้าสอบทางการศึกษานอกระบบระดับชาติ (N-NET) ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ
๗๕โดยมีวิธีการดาเนินงาน ดังนี้
แผนภูมิการดาเนินงาน : การพัฒนาการจัดกิจกรรมรักษาระดับร้อยละผู้เข้าสอบ N-NET ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕
ปัจจัยนาเข้า
1.
ศึกษาเป้าหมาย และเกณฑ์การจบหลักสูตรการศึกษานอกระบบ
ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช
2551
2.
ศึกษาสภาพปัญหา ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
(นักศึกษาที่คาดว่าจะจบหลักสูตร ในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา 2562)
กระบวนการ
1.
วางแผนงาน /จัดทาโครงการพัฒนาการจัดกิจกรรม
/ออกแบบกิจกรรม
2.
จัดกิจกรรมตามโครงการ
-
กิจกรรมเยี่ยมบ้านนักศึกษา
-
กิจกรรมแนะแนวการสอบ N-NET
-
กิจกรรมสร้างการรับรู้ผ่านแอพพลิเคชั่น
-
กิจกรรมแจกตารางสอบถึงมือนักศึกษาและผู้ปกครอง
๓
ผลผลิต
ร้อยละผู้เข้าสอบ N-NETไม่น้อยกว่าร้อยละ
๗๕
ผลลัพธ์
๑.
นักศึกษาจบหลักสูตรตามเกณฑ์เพิ่มมากขึ้น
ประเมินผล และสรุปรายงานผลการดาเนินงาน
ขั้นตอนการดาเนินงาน
ขั้นตอนที่ 1 เป็นการวางแผนการดาเนินงานโครงการ
จัดทาโครงการ ออกแบบกิจกรรมรักษาระดับร้อยละผู้เข้าสอบ N-NET ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ และเสนอผู้บริหารอนุมัติ
ขั้นตอนที่ 2 จัดกิจกรรมรักษาระดับร้อยละผู้เข้าสอบ N-NET ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ โดยมีกิจกรรมหลักที่ต้องดาเนินการ ดังนี้
กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมเยี่ยมบ้านนักศึกษา มีวิธีการดาเนินงานดังนี้
1)
ครูกำหนดแผนการเยี่ยมบ้าน
2)
ครูศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ระยะทาง และข้อมูลพื้นฐานของครอบครัวผู้เรียน
3)
วิเคราะห์ข้อมูลว่าสมาชิกในครอบครัวของนักศึกษาแต่ละคนมีใครบ้างที่สามารถให้ข้อมูลในการเยี่ยมบ้านได้
4)
เตรียมความพร้อมของวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือติดตามผู้เรียน โดยใช้แบบสัมภาษณ์ผู้เรียน/ผู้ปกครอง แบบสังเกต และประเด็นการสัมภาษณ์และการสนทนา
5)
ออกเยี่ยมบ้านตามแผน (หากไม่พบผู้เรียน ผู้ปกครอง
และคนในครอบครัว ให้สอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างเคียง และจัดทาแผนออกไปเยี่ยมบ้านอีกครั้ง
หรือประสานเพื่อนัดหมายกับผู้เรียนและผู้ปกครองก่อนล่วงหน้า)
6)
สังเกตสภาพที่อยู่อาศัย พฤติกรรมของนักศึกษา และบุคคลในครอบครัว
7)
พูดคุยสนทนา สัมภาษณ์ผู้เรียน ผู้ปกครอง และผู้ที่เกี่ยวข้อง
8)
รวบรวมข้อมูลนักศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียนเป็นรายบุคคล หากมีปัญหาให้หาแนวทางในการช่วยเหลือดูแลผู้เรียนต่อไป
พร้อมทั้งติดต่อผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง และแจ้งให้มาร่วมกิจกรรมอยู่เสมอ
กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมแนะแนวการสอบ N-NET
ครูจัดกิจกรรมแนะแนวการสอบ N-NET จานวน 2 ครั้ง ในเดือนมกราคม 1 ครั้ง และเดือนกุมภาพันธ์ 1 ครั้ง ก่อนถึงวันสอบ โดยมีเนื้อหาที่ต้องแนะแนว
ดังนี้
ครั้งที่ 1 การสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการสอบ N-NET
-
ครูบรรยายสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้เรียนถึงเหตุผลความจาเป็นในการเข้าสอบ
N-NET และการขาดสอบมีผลกระทบต่อนักศึกษา ครู และสถานศึกษาอย่างไร
ครั้งที่ 2 การเตรียมความพร้อมและปฏิบัติตนในการเข้าสอบ N-NET
-
ครูแจ้งวันสอบ รายวิชา ระยะเวลาในการสอบ และชี้แจงเกี่ยวกับการปฏิบัติตนในการเข้าสอบ
N-NET ได้แก่ ระเบียบการสอบ การแต่งกาย วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องนามาและใช้ในวันสอบ
-
ครูให้ผู้เรียนฝึกการฝนกระดาษคาตอบ เพื่อให้มีความแม่นยา และลดความผิดพลาดในการฝนกระดาษคาตอบ
กิจกรรมที่ 3 กิจกรรมสร้างการรับรู้ผ่านแอพพลิเคชั่น
ครูจัดกิจกรรมสร้างการรับรู้ผ่านแอพพลิเคชั่น
โดยแจ้งกำหนดการสอบ และการเตรียมความพร้อม ในการสอบเข้าสอบให้แก่นักศึกษาผ่านแอพพลิเคชั่น Line และ Messenger
๔
กิจกรรมที่ 4 กิจกรรมแจกตารางสอบถึงมือนักศึกษาและผู้ปกครอง
-
ครูแจกตารางสอบให้กับผู้เรียนและผู้ปกครองโดยตรงถึงบ้าน เพื่อติดตามผู้เรียนอีกครั้งว่าติดภารกิจหรือมีเหตุจาเป็นต้องทาอะไรในช่วงสอบ
สามารถมาสอบในวันที่กำหนดได้หรือไม่ อย่างไร
-
หากผู้เรียนมีภารกิจหรือมีเหตุจาเป็นที่จะทาให้เสี่ยงต่อการขาดสอบ ครูต้องหาวิธีการช่วยเหลือ
ให้คาปรึกษา แนะนากับผู้เรียนและผู้ปกครอง จนทาให้มาสอบได้ตามกำหนด
ผลการดำเนินงาน
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561
ตารางแสดงข้อมูลผู้เข้ารับการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ
ด้านการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET)
กศน.ตำบลบ้านค้อ ประจาภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๑
ลำดับ
|
ระดับการศึกษา
|
ชื่อ
–
สกุล
|
ผลการเข้ารับการทดสอบ
|
|
1
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นายดาว โพนดาแคบ
|
เข้าสอบ
|
ขาดสอบ
|
2
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นายศุภวัฒน์
ไชยกา
|
P
|
|
3
|
มัธยมศึกษาตอนต้น
|
นายเจษฎา
ลาชัย
|
P
|
|
4
|
มัธยมศึกษาตอนต้น
|
นางสาวณัฐนิชา ปิลาตี
|
P
|
|
5
|
มัธยมศึกษาตอนต้น
|
นางสาวสุทธิดา
ปีลาตี
|
P
|
|
คิดเป็นร้อยละ
|
100
|
ภาคเรียนที่
๑ ปีการศึกษา 256๒
ตารางแสดงข้อมูลผู้เข้ารับการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ
ด้านการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET)
กศน.ตำบลบ้านค้อ ประจาภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๒
ลำดับ
|
ระดับการศึกษา
|
ชื่อ
–
สกุล
|
ผลการเข้ารับการทดสอบ
|
|
1
|
มัธยมศึกษาตอนต้น
|
นางสาวอัจฉรา อนุญาหงษ์
|
เข้าสอบ
|
ขาดสอบ
|
2
|
มัธยมศึกษาตอนต้น
|
นางสาวสิริญญา อนุญาหงษ์
|
P
|
|
3
|
มัธยมศึกษาตอนต้น
|
นายสาธิต
อนุญาหงษ์
|
P
|
|
4
|
มัธยมศึกษาตอนต้น
|
นางสาวโสรยา
จำปา
|
P
|
|
5
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นายไกรวิชญ์ ไชยพรม
|
P
|
|
6
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นางสาวมัสยา ดวงภักดี
|
P
|
|
7
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นายสมบัติ โพธ์สอาด
|
P
|
|
คิดเป็นร้อยละ
|
๑๐๐
|
ภาคเรียนที่
๒ ปีการศึกษา 256๒
ตารางแสดงข้อมูลผู้เข้ารับการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ
ด้านการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET)
กศน.ตำบลบ้านค้อ ประจาภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๒
ลำดับ
|
ระดับการศึกษา
|
ชื่อ
–
สกุล
|
ผลการเข้ารับการทดสอบ
|
|
1
|
มัธยมศึกษาตอนต้น
|
นางสาวสุปรานี รัตนะ
|
P
|
|
2
|
มัธยมศึกษาตอนต้น
|
นายวศิษฐ์ โทรัตน์
|
P
|
|
3
|
มัธยมศึกษาตอนต้น
|
นางสาวพัชรี คำธิศรี
|
P
|
|
4
|
มัธยมศึกษาตอนต้น
|
นางสาวสุดตา จำปา
|
ขาดสอบ
|
|
5
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นายรุ่งทวี มัยดีนาจ
|
P
|
|
6
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นางสาวนงเยาว์ สาเคดา
|
ขาดสอบ
|
|
7
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นายอารียา จำปา
|
P
|
|
๘
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นางสาววนิดา อนุญาหงษ์
|
P
|
|
๙
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นายณัฐพล จำปา
|
P
|
|
๑๐
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นายสีหนาท ปานสูงเนิน
|
P
|
|
๑๑
|
มัธยมศึกษาตอนปลาย
|
นายวัชรินทร์ อนุญาหงษ์
|
P
|
|
คิดเป็นร้อยละ
|
๘๑.๘๑
|
สรุปผลการดาเนินงาน
จากผลการดาเนินงานปรากฏว่า
ร้อยละผู้เข้าสอบ
N-NET ของ กศน.ตำบลบ้านค้อ ในภาคเรียนที่
2 ปีการศึกษา 256๒ มีจานวนผู้มีสิทธิ์สอบ ๑๑ คน
และเข้ารับการทดสอบ จำนวน ๑๑ คน คิดเป็นร้อย ๘๑.๘๑ จึงถือว่าการดาเนินงานในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่วางไว
5
ประโยชน์ที่ได้รับ
ประโยชน์ต่อครู
1.
ครูได้พัฒนาตนเองด้านทักษะในการออกแบบกิจกรรม เพื่อนาไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนางาน
พัฒนาร้อยละผู้เข้าสอบ และผลสัมฤทธิ์ปลายภาคเรียนของนักศึกษาต่อไป
2.
ครูเกิดแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ในการพัฒนากระบวนการปฏิบัติงาน และเกิดความภาคภูมิใจ
ในตนเองที่สามารถปฏิบัติงานได้บรรลุเป้าหมาย
3.
ครูและผู้เรียนเกิดความรักความเข้าใจกันมากขึ้น มีความเอื้ออาทรต่อกันมากขึ้น
ทาให้เกิดความไว้วางใจ ผู้เรียนกล้าพูด กล้าแสดงออก และเข้ามาปรึกษาครูเมื่อเกิดปัญหาต่าง
ๆ ทั้งด้านการศึกษา และด้านการประกอบอาชีพ
4.
ครูได้รับความร่วมมือจากผู้เรียนและผู้ปกครองในการเข้าร่วมกิจกรรมของ
กศน.ตำบล เพิ่มมากขึ้น
ประโยชน์ต่อผู้เรียน
1.
ผู้เรียนได้รับความช่วยเหลือจากครู ในการให้คาปรึกษาแนะแนวด้านการศึกษา
การทดสอบ N-NET ทาให้มีโอกาสสูงที่จะจบหลักสูตรตามเกณฑ์ที่กำหนด
โดยใช้ระยะเวลาในการเรียนตลอดหลักสูตร 2 ปี 4 ภาคเรียน และสามารถนาวุฒิการศึกษาจากการจบหลักสูตรไปสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น
หรือสามารถนาวุฒิการศึกษาไปใช้ในการประกอบอาชีพในสถานประกอบการได้กับความต้องการ
2.
ผู้เรียนมีความรู้สึกที่ดีต่อครู เห็นถึงความตั้งใจในการทางานของครู
ทาให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างผู้เรียนกับครู
3.
ผู้เรียนเกิดทักษะในการใช้เทคโนโลยี สามารถนาเทคโนโลยีมาประยุกต์ในการติดต่อสื่อสารกับครู
เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเกิดประโยชน์กับตนเองเพิ่มมากขึ้น
4.
ผู้เรียนมีความรับผิดชอบ และความเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมมากขึ้น
ประโยชน์ต่อสถานศึกษา
1.
สถานศึกษามีจานวนร้อยละผู้เข้าสอบ N-NET ในระดับที่สูงขึ้น
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการดาเนินงาน และแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา เพื่อมุ่งไปสู่คุณภาพตามมาตรฐานที่สถานศึกษากำหนด
2.
สถานศึกษาได้ครูที่มีคุณภาพในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
3.
สถานศึกษาได้เทคนิค/วิธีการ ที่เป็นต้นแบบในการจัดกิจกรรมของครูภายในสถานศึกษา
และสามารถเผยแพร่เพื่อให้ครูต่างอำเภอ ใช้เป็นแนวทางในการติดตามผู้เรียนให้เข้ารับการทดสอบมากยิ่งขึ้น
ประโยชน์ต่อชุมชน
สังคม
1.
ชุมชนได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถเพิ่มมากขึ้น
2.
ผู้เรียนที่จบหลักสูตรไปถือเป็นบุคคลที่มีคุณค่าของชุมชน ซึ่งจะเป็นกาลังสาคัญในการช่วยพัฒนาให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง
และเจริญก้าวหน้าต่อไปได้
การเผยแพร่ผลงาน
กศน.ตำบลบ้านค้อ มีการเผยแพร่รายงานผลการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศ (Best
Practice) ชื่อผลงาน : การรักษาระดับร้อยละผู้เข้าสอบ
N-NET ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ โดยใช้กิจกรรม ผ่านเฟซบุ๊คของ กศน.ตำบลบ้านค้อ
https://www.facebook.com/nfebankor
เพื่อเป็นแนวทางให้กับครูผู้ที่สนใจนาไปปรับใช้ในการจัดการศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การเผยแพร่รายงานผลการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศ (Best
Practice)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น